กระทรวงกลาโหมอังกฤษระบุทางทวิตเตอร์ในวันอาทิตย์ว่า รัสเซียมีแนวโน้มที่ต้องประเมินภัยคุกคามทางการทหารใหม่ในช่วงหลายปีหลังจากที่สงครามยูเครนสิ้นสุดลง และว่า "รัสเซียมีโอกาสสูงที่จะประสบปัญหากำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการขยายปฏิบัติการทางทหารตามแผนที่วางไว้"
กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีแผนจะขยายขนาดกำลังพลของกองทัพเป็น 1.5 ล้านคน รวมทั้งแผนจัดทำพื้นที่บัญชาการทางทหารของกรุงมอสโกและแคว้นเลนินกราดเสียใหม่ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมอังกฤษเชื่อว่า เป็นความพยายามกลับสู่การจัดกำลังทัพทางภาคตะวันตกของรัสเซียเหมือนในยุคสหภาพโซเวียต
นอกจากนี้ รัสเซียยังมีแผนจัดตั้งฐานบัญชาการทหารใหม่ในเมืองคาเรเลีย ติดชายแดนโปแลนด์ด้วย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ในสหภาพยุโรปออกมาเรียกร้องให้เยอรมนีเร่งส่งรถถัง เลพพาร์ด 2 ให้ยูเครน โดยทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศของแลตเวียและเอสโตเนีย ต่างระบุว่า รถถังเลพพาร์ดเป็นสิ่งจำเป็นในการยับยั้งการรุกรานของรัสเซีย และช่วยยูเครนนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรปโดยเร็วที่สุด ซึ่งเยอรมนีควรแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ในฐานะประเทศมหาอำนาจในสหภาพยุโรป
ด้าน มีไคโล โพโดลยัค ที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้าของชาติพันธมิตรในการส่งความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน โดยระบุว่า "การตัดสินใจของชาติพันธมิตรในวันนี้กำลังทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันที่ล่าช้าคือความตายที่เพิ่มขึ้นของชาวยูเครน ดังนั้นควรตัดสินใจให้เร็วกว่านี้"
ส่วนทางรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน โอเลกซี เรซนิคอฟ กล่าวว่า ทหารยูเครนจะเริ่มฝึกใช้รถถังเลพพาร์ด 2 ที่ค่ายทหารในโปแลนด์เร็ว ๆ นี้ โดยระบุว่าเป็นความก้าวหน้าสำคัญทางการทหารของยูเครน
รัฐมนตรีเรซนิคอฟ กล่าวว่า ประเทศที่มีรถถังเลพพาร์ดสามารถเริ่มฝึกทหารยูเครนให้ใช้รถถังเหล่านั้นได้ทันที และหวังว่าเยอรมนีจะทำตามกระบวนการนี้โดยเร็วเช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง พันธมิตรของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน มีคำเตือนไปถึงชาติตะวันตกถึงผลที่จะตามมาจากการส่งความช่วยเหลือทางการทหารชุดใหม่ให้แก่ยูเครน
วียาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย โพสต์ข้อความในเทเลแกรมว่า "หากวอชิงตันและสมาชิกนาโต้ส่งอาวุธให้ยูเครนเพื่อใช้ในการโจมตีเมืองและยึดดินแดนของรัสเซียตามที่ขู่ไว้ เรื่องนี้จะนำไปสู่การใช้มาตรการตอบโต้ด้วยอาวุธที่ทรงอำนาจรุนแรงยิ่งขึ้น"
เนื้อหาบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์
- READ MORE
By thai@voanews.com (VOA)
Mon, 23 Jan 2023 04:46:56 +0700