เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ และ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น บรรลุความร่วมมือกระชับความสัมพันธ์ด้านการทหารระหว่างกันเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
แถลงการณ์ของการประชุมระหว่างผู้นำนาโต้และญี่ปุ่น ระบุว่า เหตุการณ์รัสเซียรุกรานยูเครนและความร่วมมือทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนกับรัสเซีย ได้ทำให้เกิดสภาวะการณ์ที่ตึงเครียดด้านความมั่นคงยิ่งขึ้นในรอบหลายสิบปี
"โลกกำลังเผชิญจุดผกผันครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ภายใต้สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่รุนแรงและซับซ้อนที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง" แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ และเตือนถึงภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากรัสเซีย การซ้อมรบร่วมกันระหว่างรัสเซียกับจีนใกล้น่านน้ำของญี่ปุ่น ตลอดจนการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
แถลงการณ์ร่วมของผู้นำนาโต้กับญี่ปุ่นระบุว่า การเพิ่มความร่วมมือระหว่างกันทั้งในด้านความมั่นคงทางทะเล การควบคุมอาวุธ ไปจนถึงไซเบอร์สเปซและการต่อต้านข่าวปลอม จะช่วยเพิ่มการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ได้
สโตลเทนเบิร์กเดินทางเยือนกรุงโตเกียวในวันอังคาร หลังจากแวะที่เกาหลีใต้เพื่อหารือกับผู้นำรัฐบาลกรุงโซลและกระตุ้นให้เกาหลีใต้เพิ่มการสนับสนุนทางทหารให้แก่ยูเครน พร้อมกับเตือนถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับจีนเช่นกัน
เลขาธิการนาโต้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หากรัสเซียได้รับชัยชนะในยูเครนจะยิ่งเป็นการทำให้จีนได้ใจในช่วงที่ปักกิ่งกำลังพัฒนาศักยภาพทางการทหาร "เพื่อรังแกประเทศเพื่อนบ้านและคุกคามไต้หวัน" พร้อมเสริมว่า "สงครามครั้งนี้ไม่ใช่แค่วิกฤติของยุโรปเท่านั้น แต่ยังเป็นความท้าทายต่อระเบียบโลกด้วย"
"ปักกิ่งกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด และเรียนรู้สิ่งที่อาจส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจในอนาคต สิ่งที่เกิดขึ้นในยุโรปขณะนี้จึงอาจเกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกในวันพรุ่งนี้ได้เช่นกัน" สโตลเทนเบิร์กกล่าว
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนยังมิได้ออกมาแถลงตอบโต้ความเห็นล่าสุดของเลขาธิการนาโต้ แต่เมื่อวันจันทร์ ปักกิ่งระบุว่า จีน คือ พันธมิตรต่อประเทศอื่น มิใช่ศัตรู และมิได้คุกคามผลประโยชน์และความมั่นคงของประเทศใด
ก่อนหน้านี้ จีนตำหนิวิจารณ์องค์การนาโต้เรื่องการขยายพันธมิตรในเอเชีย หลังจากที่นาโต้เชิญเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเข้าร่วมการประชุมประจำปีเมื่อไม่นานนี้ ขณะที่ รัสเซียก็กล่าวหาอย่างต่อเนื่องว่า การขยายขอบเขตสมาชิกของนาโต้คือภัยคุกคามด้านความมั่นคงและเป็นเหตุผลที่รัสเซียต้องใช้ "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" ในยูเครน
เมื่อเดือนธันวาคม ญี่ปุ่นเปิดเผยแผนเพิ่มศักยภาพทางการป้องกันประเทศด้วยการทุ่มงบประมาณด้านการทหาร ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่ใช้จ่ายด้านกลาโหมมากเป็นอันดับสามของโลกรองจากสหรัฐฯ และจีน
การประชุมครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดกลุ่ม จี7 ในเดือนพฤษภาคม โดยประเด็นสงครามในยูเครนจะเป็นประเด็นหลักในการหารือ
นอกจากนี้ นายกฯ คิชิดะ มีแผนเยือนกรุงเคียฟในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อยืนยันการสนับสนุนต่อยูเครนในสงครามครั้งนี้ด้วย
ที่มา: รอยเตอร์
- READ MORE
By thai@voanews.com (Reuters)
Wed, 01 Feb 2023 01:59:18 +0700