ในวันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน ตามเวลาในสหรัฐฯ ชาวอเมริกันทั่วประเทศออกมาร่วมฉลองวันรำลึกถึงการสิ้นสุดของความเป็นทาสของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา
เป็นเวลานับร้อยปีหลังการประกาศเลิกทาสในสหรัฐฯ ชาวแอฟริกันอเมริกันจะร่วมรำลึกถึงวันที่บรรพบุรุษของตนได้รับอิสรภาพในดินแดนแห่งเสรีภาพนี้ด้วยการจัดงานพาเหรด เทศกาลรื่นเริงตามท้องถนน และการแสดงดนตรี รวมทั้งการจัดเลี้ยงอาหารด้วยตนเองจนกระทั่งถึงปี ค.ศ.2021 ที่รัฐบาลยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศให้วันที่ 19 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันหยุดใหม่ของรัฐบาลกลาง ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศยอมรับประวัติศาสตร์อันมืดมนหน้านี้ของประเทศอย่างเป็นทางการ
ถึงกระนั้น คนจำนวนมากในสหรัฐฯ ยังไม่ค่อยรู้จักกับวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) เท่าใดนัก ขณะที่ การเฉลิมฉลองวันนี้กลับกลายมาเป็นประเด็นที่สร้างแรงกดดันใหม่ไปทั่ว ตั้งแต่แวดวงการเมืองที่มีผู้ออกมาประณามความพยายามที่จะสอนให้ประชาชนในประเทศรับรู้ถึงอดีตอันมืดมนด้านเชื้อชาติ ไปจนถึงภาคธุรกิจที่เร่งหาทางจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อเกาะกระแสวันหยุดใหม่ รวมทั้ง ผู้คนจำนวนมากที่ออกมาร่วมงานฉลองโดยไม่เข้าใจว่าทำไม
และขณะที่ คนส่วนใหญ่ใช้โอกาสวันหยุดยาวเพื่อจัดงานปาร์ตี้ต่าง ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็ออกมาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันหวนรำลึกถึงอดีตของการกดขี่ข่มเหงและการใช้ความรุนแรงต่อคนผิวสี แต่ก็มีหลายคนที่พยายามหาทางสกัดกั้นไม่ให้มีการพูดถึงบทนี้ของประวัติศาสตร์ประเทศในบทเรียนที่สอนตามโรงเรียนของรัฐ
ในประเด็นหลังนี้ มิเชลล์ ดัสเตอร์ นักประพันธ์ด้านประวัติศาสตร์คนผิวสี ทวีตคำถามออกมาว่า “วันจูนทีนธ์คือวันหยุดรัฐบาลกลางวันเดียวที่บางรัฐออกคำสั่งห้ามสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาและความสำคัญของวันนี้ ใช่หรือไม่?” โดยคำถามนี้เป็นการอ้างอิงถึงพัฒนาการในรัฐฟลอริดา โอกลาโฮมา และแอละแบมา ที่ออกคำสั่งห้ามไม่ให้มีการเปิดสอนวิชา Advancement Placement African American และวิชาใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติและการเหยียดเชื้อชาติ
วันจูนทีนธ์เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร
การฉลองวันแห่งอิสรภาพของเหล่าทาสผิวสีในสหรัฐฯ เริ่มต้นที่เมืองกัลเวสตัน รัฐเท็กซัส ในปี ค.ศ. 1865 หลังรับทราบข่าวจากกองทหารสหรัฐฯ ว่า ประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น ออกการประกาศเลิกทาสในสหรัฐฯ หรือ Emancipation Proclamation มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1863 ที่ผลบังคับใช้ในหลายพื้นที่ ยกเว้นบางจุดในภาคใต้ จนกระทั่งสงครามกลางเมืองยุติลง
ในช่วงที่เกิดสุญญากาศของการส่งข่าวการประกาศเลิกทาสนั้น “นาย” หลายคนฉวยโอกาสไม่แจ้งข่าวให้กับทาสของตนและเก็บแรงงานต่าง ๆ ไว้ใช้งานโดยไม่จ่ายค่าจ้างนานนับปี
ลอรา สมอลลี ซึ่งเป็นอดีตทาสที่ได้รับอิสรภาพจากไร่แห่งหนึ่งใกล้ ๆ เมืองเบลล์วิลล์ รัฐเท็กซัส เล่าให้ฟังในการสัมภาษณ์เมื่อปี ค.ศ. 1941 ว่า ชายคนหนึ่งที่เธอเรียกว่า “นายท่าน” (old master) กลับมาที่บ้านหลังร่วมรบในสงครามกลางเมือง แต่ไม่ได้บอกเหล่าทาสในบ้านเลยว่า ทุกคนมีสิทธิ์เป็นอิสระแล้ว และต่างก็ทำงานต่อไปอีกราว 6 เดือน ถึงรับทราบว่า ตนมีอิสรภาพแล้วในวันที่ 19 มิถุนายน 66
ทั้งนี้ แม้นายทหารที่นำกองกำลังผ่านมายังเท็กซัสและประกาศข่าวการเลิกทาสในวันที่ 19 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1865 การสิ้นสุดลงอย่างถาวรของความเป็นทาสในสหรัฐฯ เกิดขึ้นจริง 6 เดือนหลังจากวันนั้น เมื่อรัฐจอร์เจียยอมรับรองบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ข้อที่ 13 ก่อนที่ อดีตทาสที่ได้รับอิสรภาพในเมืองกัลเวสตันจะเริ่มเทศกาลฉลองวันจูนทีนธ์ในปีถัดมา ซึ่งได้กลายมาเป็นหลักปฏิบัติทุกปี และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
จูนทีนธ์มีความหมายว่าอะไร
ชื่อของวัน จูนทีนธ์ ได้มาจากการผสมคำว่า จูน (June) ซึ่งหมายถึงเดือนมิถุนายน เข้ากับ ไนน์ทีนธ์ (Nineteenth) หรือวันที่ 19 โดยวันหยุดนี้ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น Juneteenth Independence Day (วันประกาศอิสรภาพจูนทีนธ์) Freedom Day (วันแห่งเสรีภาพ) second Independence Day (วันประกาศอิสรภาพวันที่ 2) และ Emancipation Day (วันเลิกทาส)
การเฉลิมฉลองวันจูนทีนธ์เป็นอย่างไร
เดิมที การฉลองวันนี้เริ่มต้นด้วยการปิกนิกที่โบสถ์และการพูดปราศรัย ซึ่งเกิดขึ้นที่รัฐเท็กซัส ก่อนจะขยายไปตามชุมชนคนผิวสีต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ปัจจุบัน เกือบทุกรัฐประกาศยอมรับวันจูนทีนธ์ว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งและมีการเฉลิมฉลองได้ แต่มีลูกจ้างรัฐใน 28 รัฐ เช่น รัฐเท็กซัส นิวยอร์ก เวอร์จิเนีย วอชิงตัน และเนวาดา ซึ่งรวมถึง กรุงวอชิงตัน ที่ได้หยุดงานโดยยังได้รับเงินเดือน-ค่าจ้างตามปกติ ขณะที่ บริษัทหลายร้อยแห่งได้ประกาศให้วันนี้เป็นวันหยุดแล้ว
ทั้งนี้ ความสนใจในวันจูนทีนธ์ได้เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่มีการประท้วงไปทั่วสหรัฐฯ ในปี ค.ศ.2020 จากการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ และชาวอเมริกันผิวดำคนอื่น ๆ เพราะการใช้ความรุนแรงของตำรวจ จนทำให้วันนี้กลายมาเป็นวันหยุดรัฐบาลกลางใหม่ล่าสุดที่มีการประกาศออกมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1983 เมื่อมีการประกาศวันสาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ให้เป็นวันหยุด
หนทางยังยาวไกล
แม้วันจูนทีนธ์จะเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ชุมชนคนผิวสีรู้สึกว่า การสร้างความตระหนักในสังคมต่อประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ และประเด็นความไม่เท่าเทียมกันและการเลือกปฏิบัติ รวมทั้งปัญหาการเหยียดต่าง ๆ ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้าส่งเสริมกันอีกมาก
ผลการสำรวจโดย AP-NORC Poll เมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า ชาวแอฟริกันอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่ในสัดส่วนถึง 70% มองว่า ยังมีเรื่องต้องทำ “อีกมาก” เพื่อให้ชาวอเมริกันผิวสีได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันกับคนอื่น ๆ ในแง่การถูกตำรวจตรวจสอบและใช้อำนาจจับกุม และหลายคนยังได้พูดถึงประเด็นการถูกละเลยในแง่บริการด้านสาธารณสุขอย่างมากเมื่อเทียบกับคนผิวขาวด้วย
ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี
- READ MORE
By thai@voanews.com (VOA)
Tue, 20 Jun 2023 05:20:07 +0700